ตารางเปรียบเทียบพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
พ.ศ. 2482 และร่างพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่แก้ไข
พระราชบัญญัติฯ ปัจจุบัน |
ร่างพระราชบัญญัติฯ ที่แก้ไข |
หลักการและเหตุผล |
(ครุฑ) พระราชบัญญัติ การชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช 2482 ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่ 4 สิงหาคม พุทธศักราช 2480) อาทิตย์ทิพอาภา พล.อ. เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน ตราไว้ ณ วันที่ 17
ตุลาคม พุทธศักราช 2482 เป็นปีที่ 6 ในรัชการปัจจุบัน |
(ร่าง) พระราชบัญญัติ การชลประทานราษฎร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.
.
..
..
.
.
|
|
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า สมควรจัดการควบคุมการชลประทานราษฎร์
เพื่อคุ้มครองและรักษาประโยชน์ของราษฎร
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร
ดังต่อไปนี้ |
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการชลประทานราษฎร์ ...............................................................................
|
|
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า
พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พุทธศักราช |
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ.
. |
|
มาตรา 2 ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป |
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป |
ปรับถ้อยคำให้เป็นปัจจุบัน |
มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง
พุทธศักราช 2477 พระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนังแก้ไขเพิ่มเติม
พุทธศักราช 2478 และพระราชบัญญัติควบคุมการเหมืองฝายและพนัง
(ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2480 กับบรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นๆ ซึ่งบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้
หรือซึ่งมีข้อความขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ |
.
..
.
.
.
.
.
. |
ไม่มีการแก้ไข |
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
การชลประทาน หมายความว่า กิจการที่บุคคลได้จัดทำขึ้น
เพื่อส่งน้ำจากทางน้ำหรือแหล่งน้ำใดๆ
เป็นต้นว่าแม่น้ำ ลำธาร ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ไปใช้ในการเพาะปลูก และให้หมายถึงกิจการที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อป้องกันการเสียหายแก่การเพาะปลูกอันเกี่ยวกับน้ำ
การชลประทานส่วนบุคคล หมายความว่า
การชลประทานที่บุคคลคนเดียวหรือหลายคนได้จัดทำขึ้น เพื่อประโยชน์แก่การเพาะปลูกของบุคคลนั้นๆ โดยเฉพาะ
การชลประทานส่วนราษฎร หมายความว่า
การชลประทานที่ราษฎรได้ร่วมกันจัดทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การเพาะปลูกของราษฎรในท้องที่
การชลประทานส่วนการค้า หมายความว่า
การชลประทานที่บุคคลได้จัดทำขึ้นเพื่อค่าตอบแทนจาก
ผู้ที่ต้องการใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูกจากการชลประทานนั้น
เขตการชลประทาน หมายความว่า เขตที่ดิน
ซึ่งได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
เครื่องอุปกรณ์การชลประทาน หมายความว่าสิ่งของใดๆ
ที่ใช้ประกอบสำหรับทำการชลประทาน
เจ้าพนักงาน หมายความว่า คณะกรมการจังหวัด ข้าหลวงประจำจังหวัด
คณะกรมการอำเภอ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าหรือผู้ช่วยหัวหน้าการชลประทาน และเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน |
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ การชลประทาน
หมายความว่า กิจการที่บุคคลได้จัดทำขึ้น เพื่อส่งน้ำจากทางน้ำหรือแหล่งน้ำใดๆ เป็นต้นว่าแม่น้ำ ลำธาร ห้วย หนอง คลอง
บึง บาง ไปใช้ในการ เกษตรกรรม และให้หมายถึงกิจการที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อป้องกันการเสียหายแก่การเกษตรกรรมอันเกี่ยวกับน้ำ การชลประทานส่วนบุคคล หมายความว่า
การชลประทานที่บุคคลคนเดียว หรือหลายคนได้จัดทำขึ้น เพื่อประโยชน์แก่การเกษตรกรรมของบุคคลนั้นๆ โดยเฉพาะ
การชลประทานส่วนราษฎร หมายความว่า
การชลประทานที่ราษฎรได้ร่วมกันจัดทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การเกษตรกรรมของราษฎรในท้องที่
การชลประทานส่วนการค้า หมายความว่า
การชลประทานที่บุคคลได้จัดทำขึ้นเพื่อค่าตอบแทนจาก
ผู้ที่ต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตรกรรมจากการชลประทานนั้น
......
เจ้าพนักงาน หมายความว่า คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าหรือผู้ช่วยหัวหน้าการชลประทาน เจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
และเจ้าพนักงานท้องถิ่น
คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด
หมายความว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นและมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้กำหนด
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมายความว่า เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง เจ้าพนักงานท้องถิ่น หมายความว่า นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และผู้บริหารสูงสุดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง เกษตรกรรม หมายความว่า การทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ การประมง และกิจการอื่นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกำหนด
มาตรา 4 ทวิ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กับให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงและแต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทาน
เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ |
ได้แก้ไขจาก
การเพาะปลูก มาเป็น การเกษตรกรรม
เพื่อให้มีความคุ้มครองตามกฎหมายโดยไม่มุ่งคุ้มครอง ในเรื่องการเพาะปลูกอย่างเดียว แก้ไขจาก
การเพาะปลูก เป็น การเกษตรกรรม
เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไข แก้ไขจาก การเพาะปลูก เป็น การเกษตรกรรม
เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไข แก้ไขจาก การเพาะปลูก เป็น การเกษตรกรรม เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไข ไม่มีการแก้ไข ไม่มีการแก้ไข -ได้แก้ไขชื่อจาก คณะกรมการจังหวัด
เป็น
คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด และกำหนดองค์ประกอบคณะกรรมการให้เหมาะสม เนื่องจากชื่อ และองค์ประกอบของคณะกรมการจังหวัดถูกกำหนดขึ้น ตามความในมาตรา 53 วรรคสองของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
(ฉบับที่
6) พ.ศ. 2546
ซึ่งมีองค์ประกอบคณะกรรมการ
มากเกินความจำเป็น -
เปลี่ยนชื่อจาก
ข้าหลวงประจำจังหวัด เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เป็นปัจจุบัน -ได้เพิ่มคำว่า ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่
ที่ยังไม่ได้ยกเลิกหลักเกณฑ์การจัดตั้งกิ่งอำเภอ -
ตัดคำว่า คณะกรมการอำเภอ
เพราะพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 62 ได้กำหนดให้บรรดาอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับราชการ ของกรมการอำเภอหรือนายอำเภอ
ซึ่งกฎหมายกำหนดให้กรมการอำเภอและนายอำเภอมีอยู่ให้โอนไปเป็นอำนาจ และหน้าที่ของนายอำเภอ ดังนั้นจึงต้องยกเลิกชื่อ
คณะกรมการอำเภอ -
กำหนดเพิ่มเติมให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น เป็นเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ เพราะ
ร่างกฎหมายที่แก้ไขได้กำหนดให้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบการชลประทานราษฎร์ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพิ่มบทนิยามคำว่า คณะกรรมการชลประทานราษฎร์ จังหวัด เพราะได้แก้ไขชื่อจาก คณะกรมการจังหวัด
เป็น คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด เพิ่มบทนิยามคำว่า
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
มาตรา 283 เพิ่มบทนิยามคำว่า เจ้าพนักงานท้องถิ่น
เพื่อให้ครอบคลุมถึงผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ให้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบการชลประทานราษฎร์
ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพิ่มบทนิยามคำว่า เกษตรกรรม เพื่อให้ครอบคลุมกิจการด้านการเกษตรกรรมอย่างกว้างขวางขึ้นโดยไม่มุ่งคุ้มครองในเรื่องการเพาะปลูกอย่างเดียว
นอกจากนี้ยังให้อำนาจรัฐมนตรีประกาศกำหนดกิจการอื่นได้ด้วย ได้ยกเลิกหมวด 5 มาตรา 43 และได้นำมาปรับแก้เป็นมาตรา 4 ทวิ เพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบร่างกฎหมาย
ในปัจจุบัน ทั้งได้แก้ไขชื่อกระทรวงให้เป็นปัจจุบัน |
มาตรา 5 เพื่อประโยชน์แก่การแบ่งปันน้ำในยามขาดแคลน
หรือเพื่อความปลอดภัยหรือผาสุกของสาธารณชน ให้คณะกรมการจังหวัดมีอำนาจสั่งปิดหรืองดใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของการชลประทานทุกประเภทไว้ได้ชั่วคราว หรือสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อชักน้ำไปใช้ในการนั้นได้
ในกรณีที่เกี่ยวกับการแบ่งปันน้ำในยามขาดแคลน ให้ผู้ได้รับประโยชน์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการนั้น |
มาตรา 5 เพื่อประโยชน์แก่การแบ่งปันน้ำในยาม
ขาดแคลน หรือเพื่อความปลอดภัยหรือผาสุกของสาธารณชน ให้คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัดมีอำนาจสั่งปิดหรืองดใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของการชลประทานทุกประเภท ไว้ได้ชั่วคราวหรือสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อชักน้ำไปใช้ ในการนั้นได้
...................................................................................... ............................................................................................... |
แก้ไขชื่อจาก คณะกรมการจังหวัด เป็น
คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไข ไม่มีการแก้ไข |
|
มาตรา 5
ทวิ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า
คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด
ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด
เป็นประธานกรรมการ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
เป็นรองประธานกรรมการ อัยการจังหวัด
เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
เกษตรและสหกรณ์จังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ
ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรน้ำภาคในพื้นที่ เป็นกรรมการ และผู้อำนวยการโครงการชลประทานประจำจังหวัด
เป็นกรรมการและเลขานุการ รวมทั้งทำหน้าที่เป็น
นายทะเบียน |
กำหนดองค์ประกอบคณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัดให้มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่โดยตรง
ปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรมการจังหวัด |
มาตรา 6 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้น้ำจากการชลประทาน ส่วนบุคคลหรือการชลประทานส่วนราษฎรเกินความจำเป็น
หรือเอาน้ำไปทิ้งเสียโดยเปล่าประโยชน์ในเมื่อเจ้าพนักงานได้สั่งห้าม |
..........
..
. |
ไม่มีการแก้ไข |
|
มาตรา
6 ทวิ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเป็นผู้ช่วยเหลือ
นายอำเภอ
หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ
ในการปฏิบัติตามหน้าที่เฉพาะในเขตพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับผิดชอบ |
-
กำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ชัดเจนเหมาะสมเพื่อความสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) |
หมวดที่ 1 การชลประทานส่วนบุคคล
มาตรา
7 ผู้ใดจะทำการชลประทานส่วนบุคคล
จะต้องขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน เว้นแต่จะได้ทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินสองร้อยไร่
หรือเป็นการกระทำชั่วครั้งคราวซึ่งมิได้มีการก่อสร้างไว้เป็นประจำ
แต่ทั้งนี้ต้องไม่กีดขวางทางน้ำสาธารณะหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลอื่น
การขออนุญาตนั้น ให้ยื่นคำขอต่อคณะกรมการอำเภอเจ้าของท้องที่ และให้คณะกรมการอำเภอปิดประกาศโฆษณาไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอและในตำบลติดต่อกับตำบลที่จะทำการชลประทานนั้นเป็นเวลาสิบห้าวัน
ผู้ใดเห็นว่าตนจะได้รับความเสียหายจากการชลประทานนี้ ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อคณะกรมการอำเภอภายในระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
เฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณาอนุญาตไปก่อนได้
การอนุญาตตามความในวรรคต้น
(1) ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินห้าร้อยไร่
และอยู่ในท้องที่อำเภอเดียวกัน
ให้คณะกรมการอำเภอนั้น เป็นผู้พิจารณาอนุญาต แล้วรายงานให้จังหวัดทราบ และให้จังหวัดรายงานไปยังกระทรวงเกษตราธิการ (2) ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินกว่า หนึ่งพันไร่และอยู่ในท้องที่จังหวัดเดียวกัน
ให้คณะกรมการจังหวัดนั้นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแล้วรายงานไปยังกระทรวงเกษตราธิการ
(3) ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่เกินกว่าหนึ่งพันไร่
หรือเนื้อที่คาบเกี่ยวต่างจังหวัดกัน ให้กระทรวง เกษตราธิการเป็นผู้พิจารณาอนุญาต
เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคลที่ทำอยู่แล้วก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้จะต้องขออนุญาตภายในกำหนดเวลาสิบสองเดือนนับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้ |
หมวดที่ 1 การชลประทานส่วนบุคคล มาตรา 7 ผู้ใดจะทำการชลประทานส่วนบุคคล
จะต้องขอและได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเสียก่อน เว้นแต่จะได้ทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินยี่สิบไร่
หรือเป็นการกระทำชั่วครั้งคราวซึ่งมิได้มีการก่อสร้างไว้เป็นประจำ
แต่ทั้งนี้ต้องไม่กีดขวางทางน้ำสาธารณะหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลอื่น
การขออนุญาตนั้น ให้ยื่นคำขอต่อนายอำเภอ
หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ และให้ปิดประกาศไว้
ณ ที่ว่าการอำเภอ และที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องที่จะทำการชลประทานนั้นเป็นเวลาสิบห้าวัน
ผู้ใดเห็นว่าตนจะได้รับความเสียหายจากการชลประทานนี้ ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อนายอำเภอ
หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอภายใน ระยะเวลาดังกล่าวแล้ว
เฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณาอนุญาตไปก่อนได้ การอนุญาตตามความในวรรคหนึ่ง
(1) ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินห้าร้อยไร่
และอยู่ในท้องที่อำเภอเดียวกันให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอ ผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอเป็นผู้พิจารณาอนุญาต
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด
กำหนด แล้วรายงานให้จังหวัดทราบ และให้จังหวัดรายงานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(2) ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่ไม่เกินกว่า
หนึ่งพันไร่และอยู่ในท้องที่จังหวัดเดียวกัน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้พิจารณาอนุญาตตามหลักเกณฑ์ที่ คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัดกำหนด แล้วรายงานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(3) ถ้าทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่เนื้อที่เกินกว่าหนึ่งพันไร่
หรือเนื้อที่คาบเกี่ยวต่างจังหวัดกัน ให้กระทรวง เกษตรและสหกรณ์เป็นผู้พิจารณาอนุญาต
..................................................................................... .............................................................................................. .............................................................................................. |
-ได้แก้ไขคำว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ เป็น เจ้าพนักงาน เพื่อความชัดเจนในทางปฏิบัติว่า
มุ่งหมายถึงเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ -ได้กำหนดเนื้อที่จาก ไม่เกินสองร้อยไร่ เป็น ไม่เกินยี่สิบไร่
เพราะปัจจุบันการถือครองที่ดินเปลี่ยนแปลง
ไปจากเดิม และประชาชนเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทั้งมีการ
ใช้น้ำเพิ่มมากด้วย ในขณะที่แหล่งน้ำต้นทุนมีปริมาณน้ำ ไม่เพียงพอ -แก้ไขชื่อจาก คณะกรมการอำเภอ เป็น นายอำเภอ เนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 62
ได้กำหนดให้บรรดาอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับราชการของกรมการอำเภอหรือนายอำเภอ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้กรมการอำเภอและนายอำเภอ
มีอยู่ให้โอนไปเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายอำเภอ ดังนั้นจึงต้องยกเลิกชื่อคณะกรมการอำเภอ
และใช้คำว่านายอำเภอแทน -ได้เพิ่มความ เพื่อให้สอดรับกับร่างที่แก้ไข
-ปรับปรุงถ้อยคำให้เป็นปัจจุบัน -ได้เพิ่มคำว่า ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เพื่อให้สอดรับกับร่างที่แก้ไข -การพิจารณาอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัดกำหนด
เพื่อความสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม และสามารถตรวจสอบได้ -แก้ไขจาก กระทรวงเกษตราธิการ เป็น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เป็นปัจจุบัน -เปลี่ยนผู้มีอำนาจอนุญาตจาก คณะกรมการจังหวัด เป็น
ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการลดขั้นตอนการบริหารราชการ
-การพิจารณาอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัดกำหนด
เพื่อความสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม และสามารถตรวจสอบได้ -แก้ไขจาก กระทรวงเกษตราธิการ เป็น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเป็นปัจจุบัน แก้ไขชื่อให้เป็นปัจจุบัน ไม่มีการแก้ไข |
มาตรา 8 ผู้ขออนุญาตทำการชลประทานตามความ ในมาตรา 7 จะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) เสนอแผนที่สังเขปซึ่งแสดงรายการ
ต่อไปนี้
(ก) จำนวนเนื้อที่เพาะปลูกที่มีอยู่ในเวลาที่ขออนุญาต (ข) จำนวนเนื้อที่ซึ่งจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นเนื่องจากการชลประทานนั้น
(ค) แนวทางน้ำ แหล่งน้ำ หมู่บ้าน และสถานที่ถาวรต่างๆ
เท่าที่มีอยู่ในเขตนั้น
(ง) แนวทางและจุดที่ตั้งของการชลประทานที่ขอทำขึ้น (2) เสนอรายละเอียด คือ
(ก) สภาพของลำน้ำที่จะใช้ทำการชลประทานนั้นในฤดูแล้งมีน้ำเหลืออยู่เพียงใด ในฤดูน้ำมีน้ำตามปกติเท่าใด และระดับน้ำสูงที่สุดเท่าใด โดยคิดจากระดับท้องน้ำขึ้นมา
(ข) ความกว้าง
ลึก ของลำน้ำเดิม และขนาดส่วนสัดของการชลประทานที่ขอทำขึ้น
(ค) จำนวนเจ้าของนาภายในเขตที่จะได้รับน้ำจากการชลประทานนั้น
รวมทั้งที่มีอยู่เดิมและที่จะมีขึ้นใหม่ (3) ให้ชี้แจงว่า
การชลประทานรายอื่นได้มีอยู่ก่อนแล้วในลำน้ำนั้นหรือไม่ ถ้ามีให้แจ้งเขตและระยะที่ตั้งถัดไปทางเหนือน้ำ
1 ราย
ทางใต้น้ำ 1 ราย |
มาตรา 8 ให้ผู้ที่จะทำการชลประทานส่วนบุคคล ตามมาตรา
7 ยื่นแบบขออนุญาตตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกำหนด |
รายละเอียดของผู้ขออนุญาตที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเดิม
เป็นเพียงรายละเอียดไม่ควรกำหนดไว้ในกฎหมาย หากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายละเอียดตามสภาพการณ์ปัจจุบัน
สามารถแก้ไขได้ง่าย รวดเร็ว โดยกำหนดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์
ในแบบขออนุญาต เพื่อผู้มีอำนาจอนุญาตจะได้ถือเป็นแบบฟอร์มปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน
|
มาตรา 9 ในกรณีที่คณะกรมการจังหวัดเห็นว่า การชลประทานส่วนบุคคลรายใดมีปริมาณน้ำเกินความจำเป็นแล้ว
ก็ให้มีอำนาจสั่งเฉลี่ยน้ำให้แก่ที่ดินที่ใกล้เคียง ได้เป็นครั้งคราว แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จะต้องช่วยเหลือเจ้าของหรือผู้ควบคุมตามสมควร
การชลประทานส่วนบุคคลรายใดที่ได้ทำมาแล้ว
ไม่น้อยกว่าสิบปี ถ้าคณะกรมการจังหวัดเห็นเป็นการจำเป็น
ที่จะขยายเขตการชลประทานให้กว้างขวางออกไป
เพื่อประโยชน์ของราษฎรหมู่มาก
ก็ให้มีอำนาจสั่งเปลี่ยนประเภทการชลประทานส่วนบุคคลรายนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรได้
โดยให้ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้นร่วมกันออกเงินค่าทำขวัญ
ตามส่วนมากและน้อย
ถ้าหากไม่ตกลงกันในเรื่องเงินค่าทำขวัญ คณะกรมการจังหวัดและผู้ที่จะได้รับประโยชน์มีสิทธิ
ที่จะขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการได้
ถ้าจะต้องตั้งอนุญาโตตุลาการตามความในวรรคก่อน
ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับโดยอนุโลม |
มาตรา
9 ในกรณีที่เจ้าพนักงานผู้อนุญาตตามมาตรา 7 วรรคสาม เห็นว่าการชลประทานส่วนบุคคลรายใดมีปริมาณน้ำเกินความจำเป็นแล้ว
ก็ให้มีอำนาจสั่งเฉลี่ยน้ำ ให้แก่ที่ดิน
ที่ใกล้เคียงได้เป็นครั้งคราว แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จะต้องช่วยเหลือเจ้าของหรือผู้ควบคุมตามสมควร
การชลประทานส่วนบุคคลรายใดที่ได้ทำมาแล้ว
ไม่น้อยกว่าสิบปี ถ้าคณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด
เห็นเป็นการจำเป็นที่จะขยายเขตการชลประทานให้กว้างขวางออกไป
เพื่อประโยชน์ของราษฎรหมู่มาก ก็ให้มีอำนาจสั่งเปลี่ยนประเภทการชลประทานส่วนบุคคลรายนั้นเป็นการชลประทานส่วนราษฎรได้ โดยให้ผู้ที่จะได้รับประโยชน์ จากการชลประทานนั้นร่วมกันออกเงินค่าชดเชยเฉลี่ยตามสัดส่วน หากตกลงเรื่องค่าชดเชยกันไม่ได้ ให้คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด และผู้ที่จะได้รับประโยชน์มีสิทธิที่จะขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการได้ โดยให้นำกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ
มาใช้บังคับโดยอนุโลม |
เปลี่ยนผู้มีอำนาจเฉลี่ยน้ำจาก
คณะกรมการจังหวัด เป็น
เจ้าพนักงานผู้อนุญาตตามมาตรา 7
วรรคสาม
เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไขมาตรา
7 ได้แก้ไขชื่อจาก คณะกรมการจังหวัด
เป็น
คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด เพื่อให้
สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไข และได้ปรับปรุงถ้อยคำ
ค่าทำขวัญตามส่วนมากและน้อย เป็น ค่าชดเชยเฉลี่ยตามสัดส่วน เพื่อให้เป็นถ้อยคำปัจจุบัน -ปรับปรุงวรรคสามและวรรคสี่โดยรวมเป็นวรรคเดียวกันคือเป็นวรรคสามปัจจุบัน
เพื่อให้กระชับ และปรับถ้อยคำให้เป็นปัจจุบันจากคำว่า เงินค่าทำขวัญ เป็น ค่าชดเชย
-ได้แก้ไขชื่อจาก คณะกรมการจังหวัด เป็น คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด
เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไข -
การตั้งอนุญาโตตุลาการได้นำกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับแทน กฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพ่ง เพื่อให้เป็นปัจจุบัน |
มาตรา 10 เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคล
จะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของบุคคลอื่น
และจะต้องปล่อยน้ำให้ที่ดินที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเคยได้รับน้ำจากการชลประทานนั้นมาแต่ก่อนได้ใช้สอยตามสมควร
ถ้าเจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำหรืองดเว้นกระทำการ อย่างหนึ่งอย่างใดอันอาจจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือสิ่งสาธารณประโยชน์
ให้คณะกรมการอำเภอมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตามที่เห็นสมควร ถ้าพ้นกำหนดเวลาเจ้าของหรือผู้ควบคุม ไม่ปฏิบัติตาม
ให้คณะกรมการอำเภอมีอำนาจเข้าดำเนินการเพื่อป้องกันความเสียหายได้ทันที |
มาตรา 10 เจ้าของการชลประทานส่วนบุคคล
จะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของบุคคลอื่น
และจะต้องปล่อยน้ำให้ที่ดินที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเคยได้รับน้ำ จากการชลประทานนั้นมาแต่ก่อนได้ใช้สอยตามสมควร
ถ้าเจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำหรืองดเว้นกระทำการ
อย่างหนึ่งอย่างใดอันอาจจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือสิ่งสาธารณประโยชน์
ให้เจ้าพนักงานผู้อนุญาต
ตามมาตรา 7 วรรคสาม
มีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ควบคุมกระทำ อย่างหนึ่งอย่างใดได้ตามที่เห็นสมควร
หากพ้นกำหนดเวลาเจ้าของหรือผู้ควบคุมไม่ปฏิบัติตาม
ให้ เจ้าพนักงานดังกล่าว มีอำนาจเข้าดำเนินการเพื่อป้องกัน ความเสียหายได้ทันที |
ได้แก้ไขผู้มีอำนาจสั่งจาก
คณะกรมการอำเภอ
เป็น เจ้าพนักงานผู้อนุญาตตามมาตรา
7 วรรคสาม เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไข
|
มาตรา 10 ทวิ
ในการจัดทำการชลประทานส่วนบุคคลตามหมวดนี้ ไม่ว่าจะต้องขออนุญาตตามมาตรา 7 หรือไม่
ก็ตาม ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินของบุคคลอื่นหรือที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้จัดทำการชลประทานส่วนบุคคลดังกล่าวอาจทำทางน้ำผ่านที่ดินนั้นได้ เมื่อขอ
และได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
แต่ต้องใช้
ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินดังกล่าว
การขออนุญาตตามวรรคหนึ่งให้ผู้ขออนุญาตยื่น
คำขอต่อนายอำเภอเจ้าของท้องที่และจะต้องปฏิบัติตาม
มาตรา 8 (1) ด้วย และให้นายอำเภอแจ้งให้เจ้าของ
และผู้ครอบครองที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านทราบ โดยจดหมายลงทะเบียนไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของและผู้ครอบครองที่ดิน
พร้อมทั้งปิดประกาศ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัด
ที่ว่าการเขต ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการกำนันในท้องที่ และที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ผู้ใดเห็นว่าตน
จะได้รับความเสียหายจากการทำทางน้ำผ่านที่ดิน ให้ยื่น
คำร้องคัดค้านต่อนายอำเภอภายในระยะเวลาดังกล่าวแล้วเฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณาอนุญาตไปก่อนได้
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่อนุญาตตามคำขอ
ให้ปิดประกาศและแจ้งการอนุญาตพร้อมทั้งรายละเอียดให้เจ้าของ และผู้ครอบครองที่ดินทราบโดยวิธีการดังระบุไว้ในวรรคสองล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ให้นำมาตรา 7 วรรคสามมาใช้บังคับแก่การอนุญาตตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมตามหลักชลประทานและจะต้องให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินน้อยที่สุด จำนวนเงินค่าทดแทนนั้นไม่อาจตกลงกันได้
ผู้ขออนุญาตอาจร้องขอต่อคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ ประธานสภาจังหวัดเป็นรองประธานกรรมการ
เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
เกษตรจังหวัด
ผู้แทนกรมชลประทาน
และนายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอท้องที่เป็นกรรมการ เป็นผู้กำหนดโดยให้คำนึงถึงสภาพของที่ดินตลอดจนประโยชน์ที่ผู้ขออนุญาตจะได้รับและความเสียหายที่จะเกิดแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินอื่นด้วย
เมื่อคณะกรรมการได้กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนตามวรรคห้าแล้วเจ้าของที่ดินไม่ยอมรับเงินค่าตอบแทน และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศตามวรรคสาม
โดยอนุโลม และได้วางเงินค่าทดแทนดังกล่าวต่อศาลแล้ว ผู้ขออนุญาตมีสิทธิเข้าดำเนินการได้
การที่เจ้าของที่ดินไม่ยินยอมตกลงในจำนวนเงิน
ค่าทดแทนที่ดินตามที่คณะกรรมการกำหนดในวรรคห้า รับหรือไม่รับเงินค่าทดแทนที่ได้วางไว้ต่อศาลไม่ตัดสิทธิเจ้าของที่ดินจะฟ้องเรียกเงินส่วนที่ตนเห็นว่าควรจะได้รับภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
นับแต่วันที่ได้วางเงินต่อศาล ในกรณีศาลพิพากษาให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้น ให้เจ้าของที่ดินได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นนับจากวันที่วางเงินค่าทดแทนต่อศาล
การที่เจ้าของที่ดินฟ้องคดียังศาลตามวรรคเจ็ด ไม่เป็นเหตุให้การครอบครองการใช้ที่ดินของผู้ขออนุญาตสะดุดหยุดลง
มาตรา 10 ตรี ทางน้ำตามมาตรา 10 ทวิ ต้องใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้น ถ้าต่อมาที่ดิน ที่ได้รับน้ำนั้นหมดความจำเป็นที่จะใช้น้ำจากทางน้ำนั้น เพื่อประกอบการเพาะปลูกอีกต่อไปเมื่อเจ้าของ
หรือผู้ครอบครองที่ดินที่มีทางน้ำผ่านร้องขอและได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
ให้สิทธิของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้นเป็นอันสิ้นสุดลง ในระหว่างที่ทางน้ำจะต้องใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดิน ที่ได้รับน้ำเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำมีสิทธิทำ การทุกอย่างอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ทางน้ำนั้น
โดยให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่มี ทางน้ำผ่านน้อยที่สุดตามพฤติการณ์ หมวด 2 การชลประทานส่วนราษฎร มาตรา 11 แม่น้ำ ลำธาร ห้วย
หนอง คลอง บึง บาง หรือทางน้ำ
แหล่งน้ำใดๆ นั้น เมื่อข้าหลวงประจำจังหวัดเห็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ก็ให้มีอำนาจประกาศกำหนดเขตไว้ได้ และภายในเขตที่กำหนด ไว้นั้น ข้าหลวงประจำจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งห้ามมิให้กระทำการใดๆ
อันเป็นการขัดขวางแก่การชลประทาน |
มาตรา 10 ทวิ ในการจัดทำการชลประทานส่วนบุคคลตามหมวดนี้
ไม่ว่าจะต้องขออนุญาตตามมาตรา 7 หรือไม่ ก็ตาม
ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินของบุคคลอื่นหรือที่ดิน อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้จัดทำการชลประทานส่วนบุคคลดังกล่าวอาจทำทางน้ำผ่านที่ดินนั้นได้ เมื่อขอและได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานแล้ว แต่ต้องใช้ค่าทดแทน ให้แก่เจ้าของที่ดินดังกล่าว
การขออนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ขออนุญาตยื่นคำขอต่อนายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอและจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกำหนด
ด้วย และให้นายอำเภอ
หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ แจ้งให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านทราบ
โดยจดหมายลงทะเบียนไปยังภูมิลำเนา พร้อมทั้งปิดประกาศ
ณ สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา ที่ว่าการเขต ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ที่ทำการกำนันในท้องที่และที่ดินที่จะทำทางน้ำผ่านล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ผู้ใดเห็นว่าตนจะได้รับความเสียหายจากการทำทางน้ำผ่านที่ดิน
ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อนายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอภายใน ระยะเวลาดังกล่าวแล้วเฉพาะในกรณีฉุกเฉินให้พิจารณาอนุญาตไปก่อนได้ ในกรณีที่เจ้าพนักงานอนุญาตตามคำขอ
ให้ปิดประกาศและแจ้งการอนุญาตพร้อมทั้งรายละเอียดให้เจ้าของและผู้ครอบครองที่ดินทราบโดยวิธีการดังระบุไว้ในวรรคสองล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
...................................................................................... ................................................................................................. ................................................................................................. ..................................................................................................
จำนวนเงินค่าทดแทนนั้นไม่อาจตกลงกันได้
ผู้ขออนุญาตอาจร้องขอต่อคณะกรรมการชลประทาน
ราษฎร์จังหวัด ให้เป็นผู้กำหนดโดยคำนึงถึงสภาพของที่ดินตลอดจนประโยชน์ที่ผู้ขออนุญาตจะได้รับและความเสียหาย ที่จะเกิดแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินอื่นด้วย
เมื่อคณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด ได้กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนตามวรรคห้าแล้วเจ้าของ ที่ดินไม่ยอมรับเงินค่าทดแทน และเจ้าพนักงานได้ปิดประกาศ
ตามวรรคสามโดยอนุโลม และได้วางเงินค่าทดแทนดังกล่าวต่อศาลแล้ว ผู้ขออนุญาตมีสิทธิเข้าดำเนินการได้
การที่เจ้าของที่ดินไม่ยินยอมตกลงในจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดินตามที่คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด กำหนดในวรรคห้า รับหรือไม่รับเงินค่าทดแทนที่ได้วางไว้ต่อศาลไม่ตัดสิทธิเจ้าของที่ดินจะฟ้องเรียกเงินส่วนที่ตนเห็นว่าควรจะได้รับภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
นับแต่วันที่ได้วางเงินต่อศาล
ในกรณีศาลพิพากษาให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้นให้เจ้าของที่ดินได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นนับจากวันที่วางเงินค่าทดแทนต่อศาล
....................................................................................... ................................................................................................ .................................................................................................
มาตรา 10 ตรี ทางน้ำตามมาตรา 10 ทวิ ต้องใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้น ถ้าต่อมาที่ดิน
ที่ได้รับน้ำนั้นหมดความจำเป็นที่จะใช้น้ำจากทางน้ำนั้น เพื่อประกอบการเกษตรกรรมอีกต่อไปเมื่อเจ้าของ
หรือผู้ครอบครองที่ดินที่มีทางน้ำผ่านร้องขอและได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
ให้สิทธิของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้นเป็นอันสิ้นสุดลง .................................................................................
....... ................................................................................................ ................................................................................................. ................................................................................................. .................................................................................................. หมวด 2 การชลประทานส่วนราษฎร
มาตรา 11 แม่น้ำ ลำธาร ห้วย
หนอง คลอง บึง บาง หรือทางน้ำ
แหล่งน้ำใดๆ นั้น เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัด
เห็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ก็ให้มีอำนาจประกาศกำหนดเขตไว้ได้ และภายในเขตที่กำหนดไว้นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งห้ามมิให้กระทำการใดๆ
อันเป็นการขัดขวางแก่การชลประทาน |
ได้แก้ไขคำว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ เป็น เจ้าพนักงาน เพื่อความชัดเจนในทางปฏิบัติว่า
มุ่งหมายถึงเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ -ปรับปรุงถ้อยคำโดยตัดคำว่า เจ้าของ และ ผู้ครอบครองที่ดิน ออก เพื่อความเหมาะสม -ได้เพิ่มคำว่า ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เพื่อให้สอดรับกับร่างที่แก้ไข -รายละเอียดของผู้ขออนุญาตที่จะต้องปฏิบัติตาม
กฎหมายเดิม
เป็นเพียงรายละเอียดไม่ควรกำหนดไว้
ในกฎหมาย หากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายละเอียด
ตามสภาพการณ์ปัจจุบัน สามารถแก้ไขได้ง่าย รวดเร็ว
โดยกำหนดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์
เพื่อผู้มีอำนาจอนุญาตจะได้ถือปฏิบัติ ไปในแนวทางเดียวกัน -ได้เพิ่มเติมหน่วยงานคือ สำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา
และ ที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อให้ครอบคลุมหน่วยงานราชการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก้ไขคำว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ เป็น เจ้าพนักงาน เพื่อความชัดเจนในทางปฏิบัติว่า
มุ่งหมายถึงเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่มีการแก้ไข ได้แก้ไขชื่อจาก คณะกรรมการ
เป็น คณะกรรมการ ชลประทานราษฎร์จังหวัด เพื่อให้สอดรับกับกฎหมาย
ที่แก้ไขโดยที่เมื่อกฎหมายที่แก้ไขได้กำหนดให้มีคณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัดไว้แล้ว
ควรให้คณะกรรมการชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความเหมาะสม
-ได้แก้ไขชื่อจาก คณะกรรมการ เป็น คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด เพื่อให้สอดรับกับกฎหมาย
ที่แก้ไข
และได้ปรับปรุงถ้อยคำจากคำว่า ค่าตอบแทน เป็น
ค่าทดแทน เพื่อให้เป็นถ้อยคำเดียวกัน -ได้แก้ไขคำว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ เป็น เจ้าพนักงาน เพื่อความชัดเจนในทางปฏิบัติว่า
มุ่งหมายถึงเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้
และได้ปรับปรุงถ้อยคำให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน ได้แก้ไขชื่อจาก คณะกรรมการ
เป็น คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัด เพื่อให้สอดรับกับกฎหมาย
ที่แก้ไข ไม่มีการแก้ไข แก้ไขจาก
การเพาะปลูก เป็น
การเกษตรกรรม เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไข ไม่มีการแก้ไข แก้ไขชื่อตำแหน่งให้เป็นปัจจุบัน |
มาตรา 12
การชลประทานส่วนราษฎรที่จะจัดทำขึ้นใหม่ให้เป็นไปตามความเห็นชอบของราษฎรส่วนมาก
ที่จะได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
โดยการคำนวณเสียงตามมาตรา 22 (ก) ให้ผู้ที่ได้รับมอบหมาย
จากราษฎร และพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา
7 นอกจากวรรคสุดท้าย |
มาตรา 12 การชลประทานส่วนราษฎรที่จะจัดทำขึ้นใหม่ให้เป็นไปตามความเห็นชอบของราษฎรส่วนมาก
ที่จะได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น
โดยการคำนวณเสียงตามมาตรา 22 (ก) ให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากราษฎร
และเจ้าพนักงานปฏิบัติตามมาตรา 7 ยกเว้นวรรคสี่ |
ได้แก้ไขคำว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ เป็น เจ้าพนักงาน เพื่อความชัดเจนในทางปฏิบัติว่า
มุ่งหมายถึงเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ และได้ปรับปรุงถ้อยคำให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน |
มาตรา 13 ให้นายอำเภอมีอำนาจตั้งบุคคลที่สมควรตามความเห็นชอบของราษฎรส่วนมากที่ได้รับประโยชน์ ในเขตการชลประทาน เป็นหัวหน้าการชลประทานรายนั้น
หรือเป็นผู้ช่วยตามจำนวนที่เห็นสมควร และให้มีอำนาจ ถอดถอนบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งดังว่านั้นในเมื่อราษฎรส่วนมากเห็นสมควร |
มาตรา 13 ให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอตั้งบุคคลตามความเห็นชอบของราษฎร
ส่วนมากที่ได้รับประโยชน์ในเขตการชลประทาน เป็นหัวหน้าการชลประทาน หรือเป็นผู้ช่วยตามจำนวน
ที่เห็นสมควร และให้ถอดถอนบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งนั้น เมื่อราษฎรส่วนมากเห็นสมควร |
-ตัดคำว่า มีอำนาจ และ ที่สมควร ออก เพราะกฎหมายเดิมเป็นการให้ดุลยพินิจของนายอำเภอที่จะไม่ตั้งบุคคลที่ราษฎรส่วนมากได้เลือกบุคคลไว้แล้วก็ได้
แต่ที่แก้ไขใหม่เป็นการให้นายอำเภอต้องตั้งบุคคลตามความเห็นชอบตามเสียงส่วนมากที่ราษฎรได้เลือกไว้เพราะถือว่าเป็นประชามตินอกจากนี้ได้ตัดคำว่าคำว่า รายนั้น ให้ ดังว่า
ใน ออก
เพราะเป็นคำฟุ่มเฟือย -ได้เพิ่มคำว่า ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เพื่อให้สอดรับกับร่างที่แก้ไข |
มาตรา 14 การเกณฑ์แรงงานหรือเครื่องอุปกรณ์ การชลประทานส่วนราษฎรในเวลาปกติ ให้นายอำเภอ เป็นผู้สั่งเกณฑ์
ในเวลาฉุกเฉิน ให้กรมการอำเภอ กำนัน
ผู้ใหญ่บ้านหรือหัวหน้าการชลประทาน เป็นผู้สั่งเกณฑ์จากผู้ที่ได้รับประโยชน์ในเขตการชลประทานนั้น |
มาตรา 14 การเกณฑ์เครื่องอุปกรณ์ การชลประทานส่วนราษฎร ให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้า
ประจำกิ่งอำเภอ เจ้าพนักงานท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหัวหน้าการชลประทาน
เป็นผู้สั่งเกณฑ์จากผู้ที่ได้รับประโยชน์ ในเขตการชลประทานนั้น
เพื่อประโยชน์ของราษฎรในเขตการชลประทาน
หากราษฎรต้องการที่จะให้มีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด กับแรงงานอันเกี่ยวกับการชลประทานส่วนราษฎรให้เจ้า พนักงานตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ดำเนินการ ให้เป็นไปตามความต้องการนั้น
การเกณฑ์แรงงานการชลประทานส่วนราษฎรจะกระทำมิได้
เว้นแต่เพื่อประโยชน์ในการป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะอันมีมาเป็นการฉุกเฉินให้เจ้าพนักงานตามวรรคหนึ่งเป็นผู้สั่ง เกณฑ์แรงงานและเครื่องอุปกรณ์จากผู้ที่ได้รับประโยชน์ ในเขตการชลประทานนั้น |
-
ตัดคำว่า การเกณฑ์แรงงาน
ออกเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 มาตรา 38 ที่กำหนดห้ามการเกณฑ์แรงงานแต่ไม่ห้ามการเกณฑ์เครื่องอุปกรณ์ -
ตัดคำว่า ในเวลาปกติ
และ ในเวลาฉุกเฉิน
ออกเพราะความในมาตรา 14
วรรคหนึ่งที่แก้ไขนี้เป็นกรณีปกติอยู่แล้วไม่จำต้องกำหนดไว้ในกฎหมายประกอบกับในเวลาฉุกเฉินได้กำหนดไว้ในวรรคสามของมาตรา
14 ที่แก้ไข -ได้เพิ่มคำว่า ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เพื่อให้สอดรับกับร่างที่แก้ไข -เพิ่มตำแหน่ง
เจ้าพนักงานท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2542 เพิ่มความเป็นวรรคสองของมาตรา 14 เพื่อให้ราษฎร
ที่ต้องการช่วยเหลือกิจการเกี่ยวกับการชลประทาน
ให้สามารถดำเนินการได้
โดยไม่ขัดต่อบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550
มาตรา 38 ที่กำหนดห้ามการเกณฑ์แรงงาน เพิ่มความเป็นวรรคสามของมาตรา 14 เพื่อให้สอดคล้อง กับข้อยกเว้น การเกณฑ์แรงงานตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 มาตรา 38 และยังคงหลักการการเกณฑ์เครื่องอุปกรณ์ในเวลาฉุกเฉิน ไว้ตามเดิม |
มาตรา 15 การเกณฑ์เครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎร
ให้เจ้าพนักงานคำนวณให้พอเพียงต่อ
การทำ แล้วกำหนดเกณฑ์เอาตามเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูก โดยเฉลี่ยไร่หนึ่งมีส่วนเท่าๆ กัน
เศษของไร่หรือผู้ที่มีเนื้อที่ไม่ถึงหนึ่งไร่ให้นับเป็นหนึ่ง |
มาตรา 15 การเกณฑ์เครื่องอุปกรณ์การชลประทาน ส่วนราษฎร ให้เจ้าพนักงานตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง คำนวณให้พอเพียงต่อการดำเนินการ กำหนดเกณฑ์ตามเนื้อที่ที่ทำการเกษตรกรรม โดยเฉลี่ยเนื้อที่หนึ่งไร่
เป็นหนึ่งส่วน
เศษของไร่หรือผู้ที่มีเนื้อที่ไม่ถึงหนึ่งไร่ให้นับเป็นหนึ่งส่วน |
เพื่อให้ความตามกฎหมายที่แก้ไขมีความชัดเจน มากยิ่งขึ้น
|
มาตรา
16 การเกณฑ์แรงงานและแบ่งงานทำการชลประทานส่วนราษฎรให้จัดแบ่งมากน้อยตามส่วนของจำนวนเนื้อที่ที่มีไว้เพื่อทำการเพาะปลูกของผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน
หรือผู้ครอบครองที่ดินนั้น งานใดที่แบ่งแยกกันทำไม่ได้ให้เกณฑ์แรงและแบ่งงาน โดยคำนวณดังต่อไปนี้ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินคนใดมีเนื้อที่ไม่เกินสิบไร่ให้ไปทำงาน คนหนึ่ง ถ้ามากกว่าสิบไร่ ให้คำนวณทวีขึ้นไปโดยอัตราสิบไร่ต่อหนึ่งคน เศษของสิบไร่ ถ้าถึงครึ่ง ให้นับเป็นหนึ่ง |
มาตรา 16
การดำเนินการเกี่ยวกับการเกณฑ์แรงงานตามมาตรา 14 วรรคสาม ให้จัดแบ่งงาน
ตามจำนวนเนื้อที่มากน้อย ที่ทำการเกษตรกรรมของผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้น งานใดที่แบ่งแยกกันทำไม่ได้ ตามวรรคหนึ่งให้แบ่งงาน
โดยคำนวณดังต่อไปนี้
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน หรือผู้ครอบครองที่ดินคนใด มีเนื้อที่ไม่เกินสิบไร่ให้ไปทำงาน หนึ่งคน หากมีเนื้อที่มากกว่าสิบไร่ให้คำนวณทวีขึ้นไป โดยกำหนดในอัตราสิบไร่ต่อหนึ่งคน เศษของสิบไร่
ถ้าถึงครึ่ง ให้นับเป็นหนึ่ง |
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 14 ที่แก้ไขโดยให้มีการ จัดแบ่งงานกันได้ และได้ปรับถ้อยคำให้กระชับขึ้น นอกจากนี้ได้แก้ไขคำว่า การเพาะปลูก
เป็น
การเกษตรกรรม
เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไข เพื่อให้สอดรับกับมาตรา 14 ที่แก้ไข โดยให้มีการ จัดแบ่งงานกันได้ และได้ปรับถ้อยคำให้มีความชัดเจนขึ้น
|
มาตรา 17
ในการแบ่งปันการงานและเครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎรให้กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าการชลประทาน หรือผู้ช่วยในเขตการชลประทานนั้นเป็นผู้แบ่ง
และควบคุมงานจนกว่าจะแล้วเสร็จ |
มาตรา
17 ในการแบ่งปันการงานและเครื่องอุปกรณ์การชลประทานส่วนราษฎร
ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าการชลประทาน หรือผู้ช่วยในเขตการชลประทานนั้น
เป็นผู้แบ่ง และควบคุมงานจนกว่า
จะแล้วเสร็จ |
เพิ่มตำแหน่ง
เจ้าพนักงานท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้อง
กับพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2542 |
มาตรา
18 การบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมแก้ไขการชลประทานส่วนราษฎร
ให้ราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น มีหน้าที่ทำงานตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงาน
ในการนี้ถ้ามีกรณีโต้แย้งเกิดขึ้น
ให้นายอำเภอ มีอำนาจสั่งดำเนินการตามที่เห็นสมควร
เพื่อให้เสร็จก่อนฤดูทำการเพาะปลูก |
มาตรา 18 เพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมแก้ไขการชลประทานส่วนราษฎร หากราษฎร
ต้องการที่จะให้มีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด
อันเกี่ยวกับการบำรุงรักษา
หรือซ่อมแซมแก้ไขการชลประทานส่วนราษฎรตามที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้
ให้เจ้าพนักงานตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง เป็นผู้ดำเนินการ ให้เป็นไปตามความต้องการนั้น ถ้ามีกรณีโต้แย้งเกิดขึ้น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจสั่งดำเนินการตามที่เห็นสมควร
เพื่อให้เสร็จก่อนฤดูทำการเพาะปลูก |
แก้ไขมาตรา
18 วรรคหนึ่งเพื่อให้ราษฎรที่ต้องการ ช่วยเหลือในการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซม
แก้ไขการชลประทานส่วนราษฎรสามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัด ต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 มาตรา 38 ที่กำหนดห้ามการเกณฑ์แรงงาน แก้ไขโดยการตัดคำว่า
ในการนี้
ออก เพื่อให้เหมาะสม และได้แก้ไขผู้มีอำนาจสั่งการในกรณีที่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นจาก นายอำเภอ
เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะสมควรให้ตำแหน่งที่สูงกว่าเป็นผู้ชี้ขาด
|
มาตรา 19 ถ้าเขตก่อสร้างของการชลประทานส่วนราษฎรตรงที่ใดไม่มีที่ขุดดินหรือทิ้งมูลดินพอ
ก็ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่งให้ขุดหรือทิ้งมูลดินในที่ดิน
ที่ใกล้ หรือข้างเคียงซึ่งติดต่อกับเขตก่อสร้างของ
การชลประทานนั้น ห่างข้างละไม่เกิน |
มาตรา 19
ถ้าเขตก่อสร้างของการชลประทาน
ส่วนราษฎรตรงที่ใดไม่มีที่ขุดดินหรือทิ้งมูลดินพอ หรือทิ้ง
สิ่งอื่นใดก็ให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอมีอำนาจสั่งให้ขุดหรือทิ้งมูลดินหรือทิ้งสิ่งอื่นใด ในที่ดินที่ใกล้
หรือข้างเคียงซึ่งติดต่อกับเขตก่อสร้าง
ของการชลประทานนั้น หากก่อให้เกิดความเสียหาย
ให้ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานส่วนราษฎรร่วมกันใช้ ค่าสินไหมทดแทนเฉลี่ยตามสัดส่วนเนื้อที่ |
-เพิ่มคำว่า ทิ้งสิ่งอื่นใด เพราะไม่จำกัดเฉพาะการทิ้ง มูลดิน -เพิ่มคำว่า ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เพื่อให้สอดรับกับร่างที่แก้ไข -ตัดความคำว่า ห่างข้างละไม่เกิน 5 เมตร ออก
เนื่องจาก
หลักในทางวิศวกรรมอาจใช้ที่ดินมากหรือน้อย
ตามความจำเป็น -กำหนดบุคคลเพื่อความชัดเจนในการเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายโดยเฉลี่ยตามสัดส่วนเนื้อที่
|
มาตรา 20 เพื่อประโยชน์ในการขุด ทำ
ซ่อมหรือแก้ไขการชลประทานส่วนราษฎร ให้นายอำเภอมีอำนาจสั่ง ตัด ฟัน ชัก ลาก ไม้กระยาเลยหวงห้ามชนิดที่ 3 ในป่าได้ตามที่เห็นสมควร |
................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ................................................................................................ |
ไม่มีการแก้ไข
|
มาตรา 21
การแบ่งปันน้ำในเขตการชลประทาน ส่วนราษฎรให้เป็นหน้าที่ของกำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าการชลประทานหรือผู้ช่วยเป็นผู้แบ่งปันตามส่วนของจำนวน เนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูกเว้นแต่ในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้ จึงให้นายอำเภอ หรือผู้แทน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหัวหน้า การชลประทานในส่วนที่เกี่ยวข้องนั้นไม่น้อยกว่าสามนาย เป็นผู้พิจารณาสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
ในเวลาน้ำไม่พอแจกจ่ายให้เป็นประโยชน์แก่การเพาะปลูกได้ทั่วถึงกัน ให้นายอำเภอหรือผู้แทนประชุมกำนัน
ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าการชลประทานในเขตการชลประทานนั้นพิจารณาสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
ตามความในวรรค 2
นี้ ถ้าเป็นกรณีในระหว่างอำเภอต่ออำเภอ ให้นำมาตรา 22 (ข) และ (ค) มาใช้บังคับโดยอนุโลม |
มาตรา 21 การแบ่งปันน้ำในเขตการชลประทาน ส่วนราษฎร
ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่น
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
หัวหน้าการชลประทาน หรือผู้ช่วยในเขตการ ชลประทานนั้นเป็นผู้แบ่งปันตามส่วนของจำนวนเนื้อที่ที่ทำการเกษตรกรรมเว้นแต่กรณีที่ตกลงกันไม่ได้ ให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เป็นผู้สั่งชี้ขาด
ในกรณีน้ำไม่เพียงพอและทั่วถึงแก่การเกษตรกรรม ให้นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ หรือผู้แทนประชุม เจ้าพนักงานท้องถิ่น
กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าการชลประทานในเขตการชลประทานนั้นพิจารณาสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก ถ้าและคะแนนเสียงเท่ากันให้นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำ กิ่งอำเภอ หรือผู้แทนเป็นผู้สั่งชี้ขาด
.................................................................................. ............................................................................................. .............................................................................................. |
-เพิ่มตำแหน่ง
เจ้าพนักงานท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้อง กับพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2542 -ได้กำหนดเขตพื้นที่ในการแบ่งปันน้ำของเจ้าพนักงาน ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ชัดเจนขึ้น -
ได้แก้ไขคำว่า
การเพาะปลูก เป็น การเกษตรกรรม
เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไข -เมื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการแบ่งปันน้ำของเจ้าพนักงาน
ในการปฏิบัติหน้าที่ไว้ชัดเจนแล้ว
หากตกลงตามส่วนของเนื้อที่ในการแบ่งปันน้ำกันไม่ได้
จึงให้นายอำเภอเป็นผู้ชี้ขาดแต่เพียงผู้เดียว -เพิ่มคำว่า ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เพื่อให้สอดรับกับร่างที่แก้ไข -แก้ไขความให้ชัดเจนขึ้น และเพิ่มตำแหน่ง เจ้าพนักงานท้องถิ่น
เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติกำหนด
แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 -เพิ่มคำว่า ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เพื่อให้สอดรับกับร่างที่แก้ไข -
เพื่อมิให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ กำหนดให้นายอำเภอ หรือผู้แทนเป็นผู้ชี้ขาดกรณีมีคะแนนเสียงเท่ากัน
ไม่มีการแก้ไข |
มาตรา 22 ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข
เพิ่มเติม รวมกัน หรือเพิกถอนการชลประทานส่วนราษฎรภายในเนื้อที่ซึ่งได้รับอนุญาตไว้แล้ว
ถ้าตกลงกันไม่ได้ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
(ก) กรณีที่เกิดขึ้นในอำเภอเดียวกันให้นายอำเภอสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมากของราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากการชลประทานนั้น การออกเสียงลงคะแนนให้ถือเกณฑ์ดังนี้ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่เกินสิบไร่
ให้ออกเสียงได้
เสียงหนึ่ง ถ้าเกินสิบไร่
ให้คำนวณทวีขึ้นโดยอัตราสิบไร่
ต่อหนึ่งเสียง เศษของสิบไร่ ถ้าถึงครึ่ง ให้นับเป็นหนึ่ง
(ข) กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างอำเภอต่ออำเภอ
ในจังหวัดเดียวกัน ให้ข้าหลวงประจำจังหวัด
ตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณามีจำนวนอย่างน้อยห้าคน
และให้ข้าหลวงประจำจังหวัดสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
(ค) กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างจังหวัดต่อจังหวัด
ให้ ข้าหลวงประจำจังหวัดนั้นๆ
ตั้งกรรมการขึ้นจังหวัด ละสามคน และให้อธิบดีกรมชลประทานตั้งกรรมการ
อีกคนหนึ่งรวมเป็นคณะกรรมการพิจารณา
แล้วให้
ข้าหลวงประจำจังหวัดนั้นๆ
สั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก |
..
..................................................................................... ................................................................................................ ................................................................................................ ................................................................................................ ................................................................................................. .................................................................................................
(ข) กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างอำเภอต่ออำเภอ
ในจังหวัดเดียวกัน ให้คณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัดพิจารณา
และให้ประธานคณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัดสั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก และถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ผู้เป็นประธานเป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด
(ค) กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างจังหวัดต่อจังหวัด
ให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด นั้นๆ
ตั้งกรรมการขึ้นจังหวัด
ละสามคน และให้อธิบดีกรมชลประทานตั้งกรรมการ
อีกหนึ่งคนรวมเป็นคณะกรรมการพิจารณา
แล้วให้ ประธานคณะกรรมการนั้น สั่งชี้ขาดตามเสียงข้างมาก
และถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานคณะกรรมการนั้น เป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด |
ไม่มีการแก้ไข ไม่มีการแก้ไข
-เมื่อกฎหมายที่แก้ไขได้กำหนดให้มีคณะกรรมการชลประทานราษฎร์จังหวัดไว้แล้วเพื่อความเหมาะสม
ควรให้คณะกรรมการชุดนี้แทนคณะกรรมการชุดเดิม ที่กำหนดให้ข้าหลวงประจำจังหวัดตั้งคณะกรรมการ
ขึ้นพิจารณา และกำหนดให้ผู้เป็นประธานเป็นผู้ชี้ขาด
กรณีมีคะแนนเสียงเท่ากัน เพื่อมิให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ -แก้ไขชื่อตำแหน่งให้เป็นปัจจุบัน และกำหนดให้
ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ เป็นผู้ชี้ขาด กรณีมีคะแนนเสียงเท่ากัน เพื่อมิให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ
-ปรับถ้อยคำให้เหมือนกับความในวรรคเดียวกัน -เรื่องผู้ชี้ขาด เมื่อดำเนินการในรูปคณะกรรมการสมควรให้ประธานคณะกรรมการนั้นเป็นผู้ชี้ขาด |
มาตรา 23 ถ้าจะต้องมีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลเพื่อการชลประทานส่วนราษฎร
ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาใช้บังคับ |
มาตรา 23 ถ้าจะต้องมีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลเพื่อการชลประทานส่วนราษฎร
ให้นำกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์มาใช้บังคับโดยอนุโลม |
เพิ่มคำว่า โดยอนุโลม เพื่อความยืดหยุ่นในการบังคับ ใช้กฎหมาย หากนำมาใช้บังคับโดยตรงไม่ได้ ก็ยังสามารถนำมาใช้ได้ตามควรแก่กรณี |
มาตรา 24 ผู้ใดไม่สามารถไปทำงานตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงาน
ถ้าสามารถจัดผู้อื่นไปทำแทน ผู้นั้นต้องจัด ให้ผู้อื่นสมควรไปทำแทน หรือจะให้เงินทดแทนค่าแรงงานตามปริมาณแห่งงานที่จะต้องทำก็ได้ |
มาตรา 24 ผู้ใดไม่สามารถไปทำงานตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงานตามมาตรา 14 วรรคสาม ถ้าสามารถจัดผู้อื่นไปทำแทน
ผู้นั้นต้องจัดให้ผู้อื่นสมควรไปทำแทน
หรือจะให้เงินทดแทนค่าแรงงานตามปริมาณแห่งงานที่จะต้องทำก็ได้ |
เพิ่มความเพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไขตาม
มาตรา 14 วรรคสาม |
มาตรา 25 เมื่อคณะกรมการอำเภอพิจารณาเห็นสมควรว่า
ผู้ใดไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงาน และไม่สามารถจัดหาคนอื่นทำแทนทั้งไม่มีทรัพย์จะเสียค่าทดแทน
จะงดเว้นการเกณฑ์ตามพระราชบัญญัตินี้เฉพาะคราวที่จำเป็นแก่ผู้นั้นเสียก็ได้ |
มาตรา
25 เมื่อนายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ พิจารณาเห็นสมควรว่าผู้ใดไม่สามารถ
จะปฏิบัติตามคำสั่งเกณฑ์ของเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 14 วรรคสามและไม่สามารถจัดหาคนอื่นทำแทนทั้งไม่มีทรัพย์ จะเสียค่าทดแทน
จะงดเว้นการเกณฑ์ตามพระราชบัญญัตินี้เฉพาะคราวที่จำเป็นแก่ผู้นั้นเสียก็ได้ |
-แก้ไขชื่อจาก คณะกรมการอำเภอ เป็น นายอำเภอ เนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 62
ได้กำหนดให้บรรดาอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับราชการของกรมการอำเภอหรือนายอำเภอ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้กรมการอำเภอและนายอำเภอ
มีอยู่ให้โอนไปเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายอำเภอ ดังนั้นจึงต้องยกเลิกชื่อคณะกรมการอำเภอ
และใช้คำว่านายอำเภอแทน -เพิ่มคำว่า ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เพื่อให้สอดรับกับร่างที่แก้ไข -เพิ่มความเพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไขตาม
มาตรา 14 วรรคสาม |
มาตรา 26 กิจการในหน้าที่ซึ่งเจ้าพนักงานได้แบ่งปันให้ผู้ใดกระทำ
ถ้าผู้นั้นละเลยไม่กระทำตามคำสั่งด้วยประการใดๆ ก็ดี นอกจากที่จะต้องถูกลงโทษตามมาตรา
38 (ก) แล้ว ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจจัดบุคคลอื่นเข้ากระทำแทน
โดยกำหนดค่าจ้างตามสมควรและให้ผู้ละเลยเป็นผู้รับผิดชอบออกค่าจ้างนั้น |
มาตรา
26 กิจการในหน้าที่ซึ่งเจ้าพนักงานตามมาตรา 14 วรรคสาม ได้แบ่งปันให้ผู้ใดกระทำ
ถ้าผู้นั้นละเลยไม่กระทำตามคำสั่งด้วยประการใดๆ ก็ดี
นอกจากที่จะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 38 (ก) แล้ว ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจจัดบุคคลอื่นเข้ากระทำแทน
โดยกำหนดค่าจ้างตามสมควรและให้ผู้ละเลยเป็นผู้รับผิดชอบออกค่าจ้างนั้น |
เพิ่มความเพื่อให้สอดรับกับกฎหมายที่แก้ไขตาม
มาตรา 14 วรรคสาม |
มาตรา 27 กิจการใดซึ่งเกี่ยวกับการชลประทานส่วนราษฎร
เมื่อเจ้าพนักงานได้สั่งชี้ขาดไปตามความในมาตรา 21, 22
แล้ว ให้ถือว่าเป็นที่สุด |
..................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... |
ไม่มีการแก้ไข |
มาตรา
28 บุคคลผู้มีหน้าที่ควบคุมทำการชลประทานส่วนราษฎรในเขตตำบลใด
ให้ได้รับยกเว้นการเกณฑ์แรง และเครื่องอุปกรณ์การชลประทานในเขตตำบลนั้นดังนี้
(ก) กำนันและหัวหน้าการชลประทาน
คนละสามสิบไร่ (ข) ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยหัวหน้าการชลประทานคนละสิบห้าไร่
ถ้าในเขตนั้นมีเนื้อที่เพาะปลูกไม่ถึงห้าร้อยไร่
ให้บุคคลดังกล่าวแล้วได้รับการยกเว้นเพียงกึ่งอัตรา
แต่ถ้าราษฎรผู้ได้รับประโยชน์เห็นสมควรให้ได้รับการยกเว้นมากกว่าที่กล่าวไว้ในมาตรานี้
ก็ให้นายอำเภอยกเว้นตามเสียงข้างมากของราษฎร |
|
ยกเลิกมาตรา
28 เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 มาตรา 30 คือบุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย |
มาตรา 29 ผู้ใดได้รับสิทธิตามมาตรา
28
แต่ไม่มีเนื้อที่ดินทำการเพาะปลูกของตนเองหรือมีไม่พอตามสิทธิที่ได้รับ
ให้ผู้นั้นมีสิทธิคุ้มครองเนื้อที่ดินทำการเพาะปลูกของผู้อื่นเสมือนที่ดินของตนเองได้อีกไม่เกินสามราย
แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว เนื้อที่ดินต้องไม่เกินกำหนดอัตรา ดังบัญญัติไว้ในมาตรา
28 |
|
ยกเลิกมาตรา
29 เพราะเป็นมาตราอุปกรณ์ของมาตรา
28 ซึ่งไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 มาตรา 30 คือบุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย
|
หมวด 3 การชลประทานส่วนการค้า
มาตรา 30 ผู้ใดจะทำการชลประทานส่วนการค้า
ให้ยื่นคำขอสัมปทานต่อกระทรวงเกษตราธิการ
และเมื่อได้รับสัมปทานแล้ว จึงจะทำได้
เว้นแต่จะเป็นการกระทำ
ชั่วครั้งคราว ซึ่งมิได้มีการก่อสร้างไว้เป็นประจำและไม่กีดขวางทางน้ำสาธารณะ
หรือทำให้เสียหายแก่บุคคลอื่น |
หมวด 3 การชลประทานส่วนการค้า มาตรา 30 ผู้ใดจะทำการชลประทานส่วนการค้า
ให้ยื่นคำขอสัมปทานต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และเมื่อได้รับสัมปทานแล้ว
จึงจะทำได้ เว้นแต่จะเป็นการชั่วคราว ซึ่งมิได้มีการก่อสร้างไว้เป็นประจำและไม่กีดขวางทางน้ำ สาธารณะหรือทำให้เสียหายแก่บุคคลอื่น
|
แก้ไขชื่อให้เป็นปัจจุบัน และได้ปรับถ้อยคำให้กระชับ |
มาตรา 31 ผู้ขอสัมปทานทำการชลประทานส่วนการค้าต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา
8 กับแสดงรายการต่อไปนี้อีกด้วย คือ
(ก)
อัตราค่าตอบแทนที่จะเรียกเก็บจากผู้ที่ทำการเพาะปลูกซึ่งต้องอาศัยใช้น้ำจากการชลประทานนั้น
(ข) จำนวนเนื้อที่ที่ทำการเพาะปลูกอยู่แล้ว
ซึ่งผู้ที่ทำการเพาะปลูกยินยอมจะให้ค่าตอบแทน
(ค)
จำนวนเนื้อที่รกร้างว่างเปล่าที่การชลประทานนี้
จะทำให้บุกเบิกเป็นที่เพาะปลูกได้
(ง)
ระยะเวลาแห่งสัมปทานที่ขอ |
มาตรา 31 ผู้ขอสัมปทานทำการชลประทานส่วนการค้าต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแบบที่กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ประกาศกำหนด
|
รายละเอียดของผู้ขออนุญาตที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเดิม
เป็นเพียงรายละเอียดไม่ควรกำหนดไว้ในกฎหมาย หากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายละเอียดตามสภาพการณ์ปัจจุบัน
สามารถแก้ไขได้ง่าย รวดเร็ว โดยกำหนดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์
และแบบ เพื่อผู้มีอำนาจอนุญาตจะได้ถือปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน |
มาตรา 32 ผู้รับสัมปทานมีสิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนจากผู้ที่ได้รับน้ำจากการชลประทานใหม่นั้นโดยเฉพาะ
แต่ห้ามไม่ให้ใช้สิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทนจากผู้ที่ตามธรรมดา เคยได้รับน้ำพอเพียงแก่การใช้มาก่อนแล้ว
เว้นแต่จะได้มีสัญญาตกลงกันใหม่เป็นพิเศษ |
..
|
ไม่มีการแก้ไข |
มาตรา 33 ผู้รับสัมปทานจะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น |
.
|
ไม่มีการแก้ไข |
มาตรา 34 ผู้รับสัมปทานต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัมปทาน |
.
|
ไม่มีการแก้ไข |
มาตรา 35 ผู้รับสัมปทานต้องทำรายงานแสดงผลของกิจการที่ได้ทำไปยื่นต่อเจ้าพนักงานผู้ควบคุมการชลประทานปีละครั้ง
เว้นแต่เจ้าพนักงานควบคุมการชลประทานจะสั่งโดยหนังสือเป็นอย่างอื่น |
..
..
.. |
ไม่มีการแก้ไข |
มาตรา 36 ผู้รับสัมปทานจะต้องยอมให้เจ้าพนักงาน ผู้ควบคุมการชลประทานเข้าตรวจตราการงานที่ทำอยู่นั้นในเวลาสมควร
และต้องชี้แจงตอบข้อความตามที่เจ้าพนักงาน ผู้ควบคุมการชลประทานต้องการทราบเกี่ยวกับการนั้น |
..
..
.. |
ไม่มีการแก้ไข |
มาตรา 37 ผู้ใดทำการชลประทานส่วนการค้าอยู่แล้ว
ก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้ให้ยื่นคำขอสัมปทานต่อกระทรวงเกษตราธิการ และปฏิบัติตามความในมาตรา 31 ภายในกำหนดสิบสองเดือนนับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้ |
.................................................................................. .............................................................................................. .............................................................................................. ..............................................................................................
|
ไม่มีการแก้ไข |
หมวด 4 บทกำหนดโทษ
มาตรา 38
ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(ก) ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานตามมาตรา
5 มาตรา 6
มาตรา 9 มาตรา 11 มาตรา 14 มาตรา 18 และมาตรา 21
(ข) ไม่ปฏิบัติตามความในมาตรา
7 วรรคแรกและวรรคสุดท้าย และมาตรา 10 มาตรา 24 มาตรา 35 และมาตรา 36
(ค) ไม่ยอมให้ขุดหรือทิ้งมูลดินในที่ดินของตนตามมาตรา
19
(ง) ทำลาย
แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำไว้เพื่อแบ่งปันน้ำที่เจ้าพนักงานได้แบ่งปันเด็ดขาดแล้วตามมาตรา
21
(จ) ขยายเขตการชลประทานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา
7
ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
หนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
|
หมวด 4 บทกำหนดโทษ
.
..
..
..................................................................................... ............................................................................................. ............................
........ ........................................................
.
.
.
.. ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
ไม่มีการแก้ไข ไม่มีการแก้ไข ไม่มีการแก้ไข ไม่มีการแก้ไข ไม่มีการแก้ไข ปรับปรุงถ้อยคำเกี่ยวกับการระวางโทษเพื่อให้เป็นไปตามลำดับของโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
18
ที่กำหนดให้ลำดับโทษจำคุกมาก่อนโทษปรับ |
มาตรา 38 ทวิ เมื่อมีการชำระเงินค่าทดแทน
หรือเมื่อมีการวางเงินค่าทดแทนต่อศาลแล้ว เจ้าของหรือผู้ครอบครอง ที่ดินผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกในการ ทำทางน้ำ ตามมาตรา 10 ทวิ
หรือการรักษาและใช้ทางน้ำนั้น ตามมาตรา
10 ตรี มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน หนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ |
มาตรา 38
ทวิ เมื่อมีการชำระเงินค่าทดแทน
หรือเมื่อมีการวางเงินค่าทดแทนต่อศาลแล้ว เจ้าของหรือผู้ครอบครอง ที่ดินผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกในการ
ทำทางน้ำ ตามมาตรา 10 ทวิ หรือการรักษาและใช้ทางน้ำนั้น ตามมาตรา
10 ตรี มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
ปรับปรุงถ้อยคำเกี่ยวกับการระวางโทษเพื่อให้เป็นไปตามลำดับของโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
18 ที่กำหนดให้ลำดับโทษจำคุกมาก่อนโทษปรับ |
มาตรา 38 ตรี
ผู้ใดปิดกั้นทางน้ำตามมาตรา 10 ทวิ หรือกระทำโดยประการอื่นใดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินผู้ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้น
ได้รับประโยชน์ลดลงหรือ ไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร
มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ |
มาตรา 38 ตรี ผู้ใดปิดกั้นทางน้ำตามมาตรา 10 ทวิ หรือกระทำโดยประการอื่นใดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินผู้ได้รับน้ำจากทางน้ำนั้น
ได้รับประโยชน์ลดลงหรือ ไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร
มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกิน หนึ่งพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ |
ปรับปรุงถ้อยคำเกี่ยวกับการระวางโทษเพื่อให้เป็นไปตามลำดับของโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
18
ที่กำหนดให้ลำดับโทษจำคุกมาก่อนโทษปรับ |
มาตรา 39 ผู้ใดทำการชลประทานส่วนการค้าโดยมิได้รับสัมปทาน ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือจำคุกไม่เกินสามเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ |
มาตรา 39
ผู้ใดทำการชลประทานส่วนการค้าโดยมิได้รับสัมปทาน ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน สามเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ |
ได้แก้ไขโทษปรับจาก
ไม่เกินหนึ่งพันบาท เป็น
ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
และปรับปรุงถ้อยคำเกี่ยวกับการระวางโทษเพื่อให้ เป็นไปตามลำดับของโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
18
ที่กำหนดให้ลำดับโทษจำคุกมาก่อนโทษปรับ |
มาตรา 40 ผู้ใดไม่ขอรับสัมปทานภายในกำหนดเวลาดังกล่าวไว้ในมาตรา 37 ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษ
ปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ |
มาตรา 40 ผู้ใดไม่ขอรับสัมปทานภายในกำหนดเวลาดังกล่าวไว้ในมาตรา 37
ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
ได้แก้ไขโทษปรับจาก
ไม่เกินห้าร้อยบาท เป็น
ไม่เกินหนึ่งพันบาท
เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
และปรับปรุงถ้อยคำเกี่ยวกับการระวางโทษ เพื่อให้เป็นไปตามลำดับของโทษตามประมวลกฎหมาย
อาญามาตรา 18
ที่กำหนดให้ลำดับโทษจำคุกมาก่อน
โทษปรับ
|
มาตรา 41 ผู้ได้รับสัมปทานทำการชลประทานส่วนการค้าไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามความในมาตรา
34
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
|
มาตรา 41 ผู้ได้รับสัมปทานทำการชลประทานส่วนการค้าไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามความในมาตรา
34 มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ |
ได้แก้ไขโทษปรับจาก
ไม่เกินห้าร้อยบาท เป็น
ไม่เกินหนึ่งพันบาท
เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
และปรับปรุงถ้อยคำเกี่ยวกับการระวางโทษ เพื่อให้เป็นไปตามลำดับของโทษตามประมวลกฎหมาย |
มาตรา 42 ผู้ใดกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้
นอกจากจะได้รับโทษตามที่ได้บัญญัติไว้ในมาตราอื่นแล้ว ศาลมีอำนาจสั่งบังคับให้รื้อถอน
ทำลาย หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้กระทำไปนั้นได้อีกโสดหนึ่ง |
มาตรา 42 ผู้ใดกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้
นอกจากจะได้รับโทษตามที่ได้บัญญัติไว้ในมาตราอื่นแล้ว ศาลมีอำนาจสั่งบังคับ ให้รื้อถอน ทำลาย
หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้กระทำไปนั้นได้อีกด้วย |
ปรับถ้อยคำให้เป็นปัจจุบัน |
หมวด 5 การรักษาพระราชบัญญัติ
มาตรา 43 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ มีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กับให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงและแต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ควบคุม การชลประทาน
เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ |
หมวด 5 การรักษาพระราชบัญญัติ |
ยกเลิกหมวด 5 โดยได้นำมาตรา 43 ปรับแก้เป็น
มาตรา 4 ทวิ
เพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบร่างกฎหมาย
ปัจจุบัน |
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี |
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
นายกรัฐมนตรี |
|